Search

กรณี 'บอส กระทิงแดง' - พ่อแม่รังแกฉัน ?/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน - ผู้จัดการออนไลน์

alasan.prelol.com


จากกรณีที่ “บอส กระทิงแดง” ชื่อตามที่สื่อมวลชนเรียกขานกัน กลับมาเป็นที่สนใจของคนไทยอีกครั้งเมื่อสื่อนอกอย่าง CNN รายงานว่า รอดพ้นคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตายเมื่อปี 2555 แล้ว หลังจากที่อัยการสั่งไม่ฟ้องในข้อหาสำคัญที่เหลืออยู่และตำรวจไม่แย้ง

เขาเป็นทายาทของผู้ประกอบธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังที่โด่งดังไปทั่วโลก ปัจจุบันอายุ 31 ปี จบการศึกษาด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์จากประเทศอังกฤษ เป็นบุตรชายคนเล็กของครอบครัว

กรณีนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจผู้คนตั้งแต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทายาทอภิมหาเศรษฐีระดับโลก และมีพฤติกรรมที่ทำให้ชวนสงสัยว่าอาจได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัว จึงมีความกังวลใจว่าคดีจะเงียบหายไปเหมือนคดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับบรรดากลุ่มผู้มีอันจะกินด้วยหรือเปล่า

เรื่องคดีความและการออกมาเรียกร้องทวงคืนความยุติธรรมต่อกรณีนี้คงไม่จบลงง่าย ๆ และไม่ว่าจะจบลงอย่างไร นี่คือประเด็นทางสังคมที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับผู้คนที่ต้องการถามหาความยุติธรรม ต้องการให้ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต้องเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาลที่ต้องไม่ช้านานเกินไป มิใช่พยายามหาช่องทางเพื่อให้ไม่ต้องขึ้นศาล

นอกจากประเด็นเรื่องความยุติธรรมที่ต้องว่ากันไปตามกระบวนการแล้ว สิ่งหนึ่งที่ดิฉันอยากชวนกระตุกคิดจากกรณีนี้ก็คือ การเลี้ยงดูลูกตั้งแต่เด็กจนกระทั่งถึงวันที่เขาต้องเผชิญปัญหา

เพราะเรื่องทำนองนี้ครอบครัวมีส่วนอย่างปฏิเสธไม่ได้ !

เวลาที่ลูกมีปัญหา เรื่องที่พ่อแม่หรือคนในครอบครัวออกมาปกป้องลูกเป็นเรื่องปกติ เพราะลูกใครใครก็รัก แต่ถ้าจะต้องถึงกับปกป้องเกินเหตุเกินการณ์ด้วยความพยายามที่จะเปลี่ยนจากผิดเป็นถูก หรืออย่างน้อยให้ผิดน้อยลง ถ้าหากเกิดขึ้น...ขอย้ำว่าถ้าหาก... และขอพูดเป็นการทั่วไปไม่ได้เฉพาะเจาะจงกรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น ก็จะเกิดคำถามสำคัญขึ้นมา...

นี่คือการ “ปกป้อง” หรือ “ทำร้าย” ลูกกันแน่ !

นึกถึงคำว่า “พ่อแม่รังแกฉัน” ขึ้นมาในบัดดล

และอดทำให้ตั้งคำถามไม่ได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นเติบโตด้วยการถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร ?

แบบที่พ่อแม่ทำทุกอย่างให้ลูกหมดเลย ลูกอยากได้อะไรก็จัดให้ไม่ต้องการขัดใจ คอยประคบประหงมเต็มที่หรือไม่

หรือแบบที่ลูกไม่เคยผิดเลย เป็นพ่อแม่ที่ปกป้องลูกตลอดเวลา ไม่ว่าลูกจะมีปัญหากับใคร ลูกฉันก็ไม่เคยผิด แม้ลูกจะทำผิดก็โทษผู้อื่นเสมอ เวลาลูกมีปัญหากับใครก็ออกโรงปกป้องเต็มที่หรือไม่

แน่นอนว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่ถ้ารักในทางที่ผิด ลูกที่เป็นผลผลิตจากความรักของพ่อแม่ที่เป็นแบบนี้มักจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในสังคม มันสะท้อนได้ว่านิสัยต่าง ๆ เกิดมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งพื้นฐานมาจากความรัก แต่เป็นความรักแบบไหน ?

รักลูกแบบไหน รักถูกทางไหม รักถูกวิธีไหม หรืออาจจะเข้าข่าย “พ่อแม่รังแกฉัน” โดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้

เด็กทุกคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของพ่อแม่ ยิ่งถ้าเป็นครอบครัวที่มีความพร้อม เขายิ่งสามารถรับรู้ได้ การแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกเป็นเรื่องที่ควรกระทำและจำเป็น ควรให้ลูกได้รับรู้ว่าพ่อแม่รักลูกเสมอ แต่ก็ต้องอธิบายด้วยว่าบางเรื่องก็ต้องมีเหตุผลมากกว่าจะยอมลูกเพราะความรักเพียงอย่างเดียว ลูกจำเป็นที่จะต้องถูกปฏิเสธในบางเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม โดยมีพ่อแม่คอยอธิบาย และลูกก็ไม่จำเป็นต้องได้ทุกเรื่องที่อยากได้ ทุกคนสามารถพบกับความผิดหวังและผิดพลาดได้

สิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูลูกตลอดจนทัศนคติของพ่อแม่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของลูกมาก ฉะนั้นการที่ลูกจะเติบโตขึ้นมีบุคลิกภาพเช่นใด นอกจากพันธุกรรมแล้ว การอบรมเลี้ยงดูเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก ถ้าเด็กถูกเลี้ยงดูมาอย่างเหมาะสม ก็จะทำให้เขามีบุคลิกภาพที่ดีมีการปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้อย่างเหมาะสม มีอารมณ์ที่มั่นคง

ในทางตรงข้าม ถ้าเด็กถูกเลี้ยงดูอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสมก็จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการปรับตัวและเป็นผลทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้ง่าย

วิธีอบรมเลี้ยงดูลูกที่ไม่ถูกต้องของพ่อแม่ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม ประเภทรักมาก และปกป้องมากเกินไป ทะนุถนอมมากเกินไป ปฏิบัติดูแลลูกเหมือนเป็นเด็กทั้งๆ ที่ลูกก็โตแล้ว พ่อแม่ก็ยังประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน ไม่ยอมให้ห่างสายตา ไม่ยอมให้ทำอะไรเลยเพราะกลัวจะเป็นอันตราย ลูกก็เลยไม่ได้คิดหรือตัดสินใจด้วยตัวเอง พ่อแม่เป็นคนจัดการให้หมด การเลี้ยงดูลูกแบบนี้ ทำให้เด็กขาดทักษะในการช่วยเหลือตัวเอง มีโอกาสจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนเด็กคือเลี้ยงเท่าไรก็ไม่รู้จักโต

แต่ถ้าพ่อแม่ปล่อยให้ลูกเผชิญกับปัญหา เวลาลูกทำผิดหรือผิดพลาด ก็ต้องปล่อยให้ลูกเผชิญหน้ากับความจริง ยอมรับผิด และหาทางออกหรือแก้ไขร่วมกัน การหาทางออกให้ลูก สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือพยายามชี้ให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียของทางออก และผลที่จะได้รับ รวมทั้งให้ลูกได้มีส่วนต่อความรับผิดชอบการกระทำของตัวเองด้วย เพราะต้องอย่าลืมว่าชีวิตเป็นของเขา วันใดวันหนึ่งลูกก็ต้องยืนด้วยตัวเอง พ่อแม่ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดชีวิต

และความผิดพลาดจะช่วยเพิ่มการเรียนรู้ และเป็นตัวกระตุ้นให้เรารู้สึกท้าทายตัวเองมากขึ้น เพื่อเรียนรู้ที่จะหาวิธีใหม่ๆ มาแก้ปัญหาที่เคยทำพลาดไป

ตรงกันข้ามถ้าพ่อแม่ปกป้องลูกมากเกินไป สิ่งที่ตามมา

หนึ่ง – ขาดความมั่นใจในตัวเอง

สอง – ไม่กล้าเผชิญปัญหา

สาม – ไร้ความรับผิดชอบ

สี่ – กลัวความผิดพลาด

ห้า – มองโลกในแง่ร้าย

หก – อยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอด

เจ็ด - ต้องพึ่งพิงผู้อื่น

ย้ำอีกครั้งว่าที่เขียนมาข้างต้นเป็นกรณีทั่วไปทุกกรณี ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น

ส่วนกรณีที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ ไม่ว่าผลของกระบวนการยุติธรรมจะดำเนินไปอย่างไร ใช่หรือไม่ว่าสิ่งที่ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องเผชิญก็คือกระแสต้านของสังคม ที่ไม่ใช่เพียงแค่บ้านเรา แต่เป็นสังคมโลก และผลกระทบก็จะสะเทือนไปถึงธุรกิจและครอบครัวไม่ว่าจะมากหรือน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และประเด็นสำคัญที่สุดก็คือ ใช่หรือไม่ว่าการจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกชิงชังของสังคม ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะถูกหรือผิด ก็คือทัณฑ์ที่เจ็บปวดที่สุด


และผลเช่นนั้น ครอบครัวจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้หรือ ?

Let's block ads! (Why?)



"กรณี" - Google News
July 29, 2020 at 08:15AM
https://ift.tt/3g8yT1v

กรณี 'บอส กระทิงแดง' - พ่อแม่รังแกฉัน ?/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน - ผู้จัดการออนไลน์
"กรณี" - Google News
https://ift.tt/3eWgPaP
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/2LbDDWd

Bagikan Berita Ini

0 Response to "กรณี 'บอส กระทิงแดง' - พ่อแม่รังแกฉัน ?/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.